แสงสีฟ้า ภัยที่เปลี่ยนให้ผิวคุณหมองคล้ำไปตลอดกาล

โลกหมุนไปเร็วพอๆกับเทคโนโลยีที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน ติดหนึบจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างบางครั้งเราเองก็ไม่รู้ตัว ทั้งเพื่อความสะดวกสบายหรือความบันเทิงที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 

แต่ทราบไหมคะ? ว่าสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความบันเทิงเหล่านั้นมาพร้อมกับ  High-energy visible light (HEV Light) หรือที่เรามักได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ‘แสงสีฟ้า’ นั่นเองค่ะ

แสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งไฟดวงเล็กๆทำให้ผิวเสียได้จริงไหม ?

ตอนนี้ประเด็นเรื่องแสงสีฟ้าทำร้ายผิวได้จริงหรือไหมนั้น กำลังอยู่ในการค้นคว้า วิจัยเพิ่มเติม แต่สิ่งที่งานวิจัยรายงานออกมาในปัจจุบันคือ แสงสีฟ้าสามารถ ‘กระตุ้น’ ให้ผิวเกิดจุดด่างดำ และฝ้าได้รวมถึงทำให้ผิวแก่ขึ้นได้อีกด้วยค่ะ เพราะว่าแสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าถึงชั้นผิวที่มีคอลลาเจน ซึ่งอาจทำให้คอลลาเจนถูกทำลายได้ อีกทั้งแสงสีฟ้ายังทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในเซลล์ผิวเราได้ด้วย

จากงานวิจัยในปี 2013 ได้สรุปไว้ว่า

ผลกระทบจากแสงสีฟ้าที่ทำร้ายผิวได้เนี่ยพอๆ กับแสง UVA กับ UVB ทำได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดจุดด่างดำ และรวมถึงปัญหาริ้วรอย ผิวที่แก่ขึ้น และ แสงสีฟ้า ทำให้เกิดจุดด่างดำได้มากกว่าแสง UVB เสียอีก น่ากลัวใช่ไหมล่ะค่ะ

แล้วในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจำเป็นเหล่านั้น จะทำยังไงดีนะ?

  • ใส่ฟิล์มกันแสงสีฟ้าให้กับสมาร์ทโฟน แท็บแล็ตใส่เลยค่ะ นอกจะยังสามารถช่วงดวงตาของเราที่ต้องจ้องจอเป็นเวลานานแล้วนั้น ฟิล์มก็สามารถกรองแสงสีฟ้าที่คอยทำร้ายผิวได้อีกด้วยนะคะ
  • เล่นสมาร์ทโฟนให้น้อยลงและทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ เป็นต้น (แต่ก็ยากใช่ไหมล่ะคะ แอดมินรู้ค่ะ) 
  • ทาครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าเป็นอย่างสม่ำเสมอ แม้อยู่บ้านในตัวอาคารก็ต้องทานะคะเพราะรังสี UV นั้นไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์เท่านั้น 
  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน ที่สามารถช่วยฟื้นบำรุง ปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงแม้ผิวโดนทำร้ายจากรังสีอันตรายแต่งก็ยังสามารถช่วยฟื้นฟูให้กลับมาสวยใสได้อยู่เสมอ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เคล็ดไม่ลับที่แอดมินนำมาฝากกันในสัปดาห์นี้ ครั้งหน้าจะมีเคล็ดไม่ลับอะไรมาบอกกันอีกนั้น อย่าพลาดเชียวค่ะ และอย่าลืม ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่….
FACEBOOK : https://www.facebook.com/SOMSAI.2009
INSTARGRAM : https://www.instagram.com/somsai_thailand_official/